วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความหมายที่แตกต่างของ e-Commerce และ e-Business




มีคนจำนวนมากเข้าใจว่า e-Business ก็คือ e-Commerce ซึ่งในความจริงแล้ว ทั้งสองคำนี้มี ความหมายไม่เหมือนกัน โดยที่ e-Commerce เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ e-Business ซึ่งมีความหมายที่กว้างกว่า ทั้งนี้ความหมายของ e-Business หมายถึง การทำกิจกรรมทั้งหมดเกี่ยวกับการขายการตลาด การผลิต การเงิน การบริหารบุคคล การสั่งซื้อวัตถุดิบ และกิจกรรมในการดำเนินธุรกิจทั้งหมด โดยใช้ เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้าไปประยุกต์และเป็นตัวเชื่อมต่อในทุกกิจกรรมหรือขั้นตอนของธุรกิจ ในขณะที่ e-Commerce มีความหมายในส่วนของการซื้อ-ขาย สินค้าและบริการ เท่านั้นปัจจัยที่ทำให้ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ได้รับความนิยม






ปัจจัยสำคัญที่ทำให้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นกระแสและได้รับความนิยมนั้น มาจากการพัฒนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และความสำเร็จของการตั้งร้านขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต อาทิเช่น เว็บไซต์ dell.com (ร้านคอมพิวเตอร์) เว็บไซต์ cisco.com (ร้านอุปกรณ์เครือข่าย) นอกจากนี้มีร้านค้าใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีร้านค้ามาก่อน แต่เริ่มเปิดขายทางอินเทอร์เน็ตเลยเช่น เว็บไซต์ amazon.com (ร้านหนังสือ) etrade.com (นายหน้าซื้อขายหุ้น) ซึ่งสามารถทำยอดขายได้มหาศาล ทำให้เกิด ผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาตั้งร้านทางอินเทอร์เน็ตอย่างมากมาย ส่วนผู้ค้าที่เคยเปิดร้านค้าขายของกันแบบดั้งเดิมก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ต้องเข้ามาแข่งขันด้วย จนเดี๋ยวนี้ เราได้เห็นโฆษณาสิ่งพิมพ์ส่วนใหญ่ ทั้งในและต่างประเทศ จะมีการระบุชื่อเว็บไซต์ของบริษัท ร้านค้า ลงในโฆษณานั้นๆด้วย
สำหรับเหตุผลที่ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ได้รับความนิยม สามารถอธิบายได้ดังนี้ มุมมองของภาพรวม
1. เครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีค่าใช้จ่ายต่ำ หมายถึงในปัจจุบัน ผู้เล่นอินเทอร์เน็ตจะเสียค่าใช้จ่ายในการเล่นอินเทอร์เน็ท ถูกลงเมื่อเทียบเมื่อหลายปีก่อน (ภาครัฐได้ออกนโยบายให้ชั่วโมงอินเทอร์เน็ตมีราคาชั่วโมงละ 1 บาท) ซึ่งส่งผลให้มีจำนวนผู้เล่นอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้น นั่น หมายถึงจำนวนคู่ค้าก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
2. ค่าใช้จ่ายในการตั้งร้านค้าทางอินเทอร์เน็ตมีราคาถูกลงมากเมื่อเทียบกับ หลายปีที่ผ่านมา ทำให้มีจำนวนผู้ประกอบการด้าน พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เกิดขึ้นมาก สำหรับค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยในการตั้งร้านค้าออนไลน์ โดยขอเช่าพื้นที่กับบริษัทผู้ให้บริการ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประมาณเดือนละ 1,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับข้อเสนอและข้อตกลงระหว่างบริษัทผู้
ให้บริการกับผู้ขอใช้บริการ ซึ่งจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ต่ำลง ทำให้ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย
3. เทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้น ทำให้รูปแบบการเสนอขายสินค้าทางอินเทอร์เน็ต มีหลายรูปแบบ หลากหลาย เอื้อประโยชน์ให้กับผู้บริโภคได้ใช้งานง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัย ให้มีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรักษาความปลอดภัยในระบบการชำระเงินออนไลน์ ประกอบกับหน่วยงานภาครัฐและ
เอกชน มีนโยบายในการคุ้มครองในระบบดังกล่าว ทำให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย เกิดความมั่นใจในการซื้อขาย ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มากยิ่งขึ้น
4. ในโลกของอินเทอร์เน็ต มีกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจำนวนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต จะมีผลต่อระบบการค้า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ให้มีความนิยมพาณิชย์อ์อิเล็คทรอนิคส์ คืออะไร ตามขึ้นไปด้วย เพราะผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมาก โอกาสที่จะมีกลุ่มลูกค้าสั่งซื้อของ ก็มากขึ้นตาม ไปด้วย ปัจจุบันมียอดผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ดังนี้
• ทั่วโลก ประมาณการว่ามีจำนวนมากกว่า 600 ล้านคน (เป็นยอดผู้ใช้ของสหรัฐอเมริกาประมาณ 110 ล้านคน) : ข้อมูลจาก www.cyberatlas.com
• ในประเทศไทย ประมาณการว่ามีจำนวนมากกว่า 6 ล้านคน

มุมมองของผู้ซื้อ
1. มีสินค้าและบริการให้เลือก อย่างหลากหลาย
2. สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทุกสถานที่ ที่มีอินเทอร์เน็ต
3. สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทุกเวลา
4. สามารถเปรียบเทียบราคาของสินค้าและบริการ และได้ข้อมูลความคิดเห็นต่อสินค้าและบริการนั้นๆ ผ่านทางอินเทอร์เน็ตก่อนตัดสินใจซื้อ
5. สามารถเลือกดูสินค้าตามร้านค้าต่างๆได้ตามความพอใจ ซึ่งทำให้หาสินค้าที่มีราคาที่ถูกใจที่สุดได้
6. สามารถหาซื้อสินค้าที่หาได้ยากตามท้องตลาดทั่วไป
7. ประหยัดเวลา

มุมมองของผู้ขาย
1. ทำให้เพิ่มคุณค่าและภาพพจน์ของตราสินค้าหรือบริษัทได้
2. สามารถสื่อสารข้อมูลต่างๆไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดของสินค้าหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อ
ลูกค้าทั้งใหม่และเก่า
3. สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
4. ช่วยลดต้นทุนการตลาดได้
5. ลดภาระสินค้าคงคลัง
6. สามารถขยายตลาด เพิ่มตลาดใหม่และเพิ่มยอดขายให้กับกิจการได้
7. สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทั่วโลก
8. สามารถทำระบบในการเก็บข้อมูลลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า และช่วยเพิ่มความสัมพันธ์กับลูกค้าได้
9. สามารถใช้เป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์และโฆษณาได้

1 ความคิดเห็น: